วันพุธที่ 12 มกราคม พ.ศ. 2554

เคล็ดลับเรียนเก่ง


เคล็ดลับ เรียนเก่ง

คงเข้าใจว่าใครหลายๆคน อาจจะกำลังคิดอยู่ว่า จะทามยังไงดีให้เราเรียนเข้าใจ รู้เรื่อง ความจริงแล้ว ในการ เรียนหนังสือ ไม่ว่าเราจะฉลาดหรือไม่ ถ้าเรามีความตั้งใจที่จะศึกษาและไขว่คว้าอยู่ตลอด มันก็จะดีมากเรยคะ เอาเป็นว่า มาดูดีกว่า ว่า เคล็ดลับ 13 ประการในการเรียนอย่างมีประสิทธิ์ภาพมีอะไรบ้าง
1.เราต้องมีความรับผิดชอบคะ-เราต้องมีความรับผิดชอบต่อตนเองนะคะ ไม่ว่าจะเป็นเรื่องการบ้าน เรื่องเรียน หลายคนเวลาลืมทำการบ้าน ก็จะบอกอาจารย์ว่าหนูลืมคะ นั่นไม่ใช่ข้ออ้างที่ดีนะคะ (คนเขียนทามบ่อยคะ อิอิ)

2.เริ่มต้นดี

-ใครหลายๆคนนะคะ เวลาเปิดเทอมใหม่ๆนี่ ก็จะตั้งใจเรียน แต่พอไปหลังๆนี่ เริ่มแร้วคะ ถ้าเราเริ่มต้นดีตั้งแต่ตอนแรก และก็ดีเสมอไป รับรองคะ

3.กำหนดเป้าหมายในการเรียนอย่างแน่วแน่



-เพื่อนๆหลายคนตอนนี้ อาจจะกำลังศึกษาอยู่ ม.3 หลายคนก็ศึกษาอยู่ ม.6 ในการเรียนต่อนั้น เพื่อนๆต้องกำหนดให้เป้าหมายในการเรียนให้ชัดเจน ทั้งระยะสั้นและระยะยาว และทุ่มเทความพยายามให้บรรลุเป้าหมายนั้น

4.วางแผนและจัดการ

-มีการวางแผน จัดลำดับสำคัญของกิจกรรมที่ต้องทำ หากทำเป็นตารางสัปดาห์ได้ก็ยิ่งดีใหญ่เรยนะคะ



5.มีวินัยต่อตนเอง-เมื่อกำหนดเป้าหมาย วางแผนและจัดการเรียบร้อยแล้ว เราก็ต้องสัญญากับตนเองอย่างแน่วแน่ที่จะมีวินัย และปฏิบัติตาม

6.อย่าล้าสมัย

-วิทยาการพัฒนาไปอย่างรวดเร็ว การค้นคว้าหาความรู้ ต้องอิงกับข้อมูลที่ทันสมัย ทันเหตุการณ์

7.ฝึกตนเองให้เรียนรู้อย่างมีประสิทธิภาพ

-ศึกษาข้อมูลเสนอแนะ และฝึกทักษะการเรียนรู้



8.เตรียมพร้อมเพื่อเข้าสู้ชั้นเรียน-เตรียมตัวเป็นผู้ใฝ่หาความรู้อย่างแข็งขัน เตรียมอุปกรณ์หนังสือที่จะใช้ในการเรียนให้เรียบร้อย

9.มุ่งมั่นจดจ่อต่อบทเรียน

-ในการเรียนนั้นเราก็ควรที่จะมีความมุ่งมั่น ตั้งใจฟังที่อาจารย์พูด อาจารย์สอน ไม่เข้าเรียนเพื่อที่จะมานั่งพูดคุยกัน หรือรอเวลาให้เลิกเรียนเร็วๆ

10.เป็นตัวของตัวเอง

-รู้จักคิดและทำ ด้วยความสามารถของตนเอง คิดเสมอว่าเราเป็นผู้หนึ่งที่มีศักยภาพสูงเหมือนกัน

11.มีความกระตือรือล้น-ความสำเร็จเป็นของผู้ที่มีความริเริ่ม เป็นฝ่ายรุกที่จะมุ่งหน้า และคว้าความสำเร็จเป็นของตนเอง

12.มีสุขภาพดี

-เพื่อนๆอย่าลืมใส่ใจถึงสุขภาพทางร่างกายของตัวเราเองนะคะ ไม่ว่าจะเป็นกิจกรรมนันทนาการ กิจกรรมทางสังคมต่างๆ

ก็มาถึงเคล็ดลับทางการเรียนข้อสุดท้ายกันแล้วคะ



13.เรียนอย่างมีความสุข-เราต้องพยายามที่จะเก็บเกี่ยวความสนใจในบทเรียน คิดเสมอว่า วิชานี้น่าเรียน เรียนสนุก ไม่ต้องไปเครียดกับมัน แล้วเราก็จะเรียนอย่างมีความสุขคะ

วันอาทิตย์ที่ 9 มกราคม พ.ศ. 2554

วิธีดูแลเส้นผม

ตุ๊กตา น่ารักๆ ค่ะ
วิธีดูแลเส้นผม

   “ผม” หมาย ถึงเส้นผมที่อยู่บนหนังศีรษะมีหน้าที่ป้องกันไม่ให้ร่างกายสูญเสีย ความร้อน และผิวหนังไม่ให้ได้รับอันตราย อีกทั้งยังเป็นส่วนสำคัญต่อบุคลิกลักษณะของร่างกาย ซึ่งมีผลต่อจิตใจของคน ใครที่พบกับปัญหาผมร่วง ผมบาง ศีรษะล้าน ผมหงอก อาจก่อให้เกิดปัญหาทางใจ เช่น ซึมเศร้า ขาดความมั่นใจในตนเอง เป็นต้น ซึ่งปัญหาเหล่านี้ไม่เกิดกับใครก็คงไม่รู้

สาเหตุของปัญหาผม

ผลิตภัณฑ์ดูแลผมภัยร้ายใกล้ตัวที่คุณอาจไม่รู้

แชมพู
ปัจจัย หนึ่งที่ทำให้เกิดปัญหาผม คือสิ่งใกล้ตัวท่านแต่ถูกมองข้าม นั่นคือ แชมพูที่ท่านใช้อยู่เป็นประจำ แม้บางท่านจะบอกว่าท่านเปลี่ยนยี่ห้อไปอยู่เรื่อยๆ แต่ท่านทราบหรือไม่ว่าสารทำความสะอาดที่ถูกผสมในแชมพูเกือบทุกยี่ห้อ (แม้ในแชมพูที่ผสมสมุนไพรและอ้างว่าจากธรรมชาติ) ส่วนใหญ่เป็นสารเคมีที่มีฤทธิ์ชะล้างรุนแรงและมีความเป็นด่างสูง เช่น โซเดียม ลอริล ซัลเฟต (Sodium lauryl sulfate; SLS) ซึ่ง ให้ฟองได้มาก ราคาถูก จึงเป็นที่นิยมใช้เป็นส่วนประกอบสำคัญในผลิตภัณฑ์ทำความสะอาดทั้งหลาย เช่นผงซักฟอก น้ำยาทำความสะอาดพื้น สารเหล่านี้ก่อให้เกิดการระคายเคืองต่อหนังศีรษะ ตกค้างสะสมและทำลายเซลผม (รวมถึงรากผม เซลสร้างเม็ดสี และเส้นผม) และเซลผิวหนัง เมื่อใช้บ่อยๆจะยิ่ง กระด้าง แห้ง แข็งเป็นไม้กวาด เริ่มหวีไม่อยู่ทรง  และ ทำให้หนังศีรษะมัน มากขึ้นเนื่องจากสารเหล่านี้เป็นสารชะล้างอย่างรุนแรงและจะชะล้างไขมันตาม ธรรมชาติ(ที่ช่วยเคลือบให้ผมมันเงา) จึงทำให้ร่างกายต้องขับไขมันออกมาชดเชยมากขึ้น จึงเป็นสาเหตุของคนที่หนังศีรษะมันยิ่งสระผมหนังศีรษะก็ยิ่งมัน บางรายเกิดการระคายเคืองเซลผิวชั้นหนังกำพร้าทำให้เกิดเป็น รังแค แต่ ไม่ทราบสาเหตุที่แท้จริงก็ซื้อแชมพูขจัดรังแคมาใช้  ซึ่งแชมพูประเภทนี้นอกจากจะมีสาร SLS แล้ว ยังผสมสารยับยั้งการเจริญเติบโตที่มากผิดปกติของเซลชั้นหนังกำพร้า แต่ไม่ได้แก้ที่ต้นเหตุ เมื่อหยุดใช้อาการที่เป็นก็กลับมาเป็นอีก ทำให้เซลผิวต้องสัมผัสกับสารเคมี และถูกกดการทำงานอยู่ตลอด ทำให้เป็น รังแคเรื้อรัง

ครีมนวดผม/ทรีทเม้นท์หมักผม
สำหรับผู้ที่ชอบให้ผมนิ่มลื่น อาจยังไม่รู้ถึงพิษภัยจากสารกลุ่มซิลิโคน (มักมีชื่อลงท้ายด้วย “thicone”) เช่น ไซเมทธิโคน (Simethicone) ไดเอทธิโคน (Diethicone) หรือ อื่นๆ เป็นสารเคลือบเส้นผมทำให้ผมนิ่มลื่น เป็นมันวาว มีสปริง หวีง่าย แต่จะตกค้าง เคลือบรูเส้นผม เมื่อใช้ต่อเนื่องนานๆจะเกิดการสะสมอุดตันรูเส้นผม ทำให้เซลผมทำงานผิดปกติ การขับของเสีย การดูดซึมสารอาหารลดลง และทำให้ ผมร่วง เมื่อใช้ในระยะยาว

ที่เลี่ยงยากคือ สารเพิ่มฟอง เพิ่มความข้น ตัวฉกาจที่ผู้ผลิตส่วนใหญ่ต้องใช้คือ DEA (ได เอทธานอลาไมด์) ซึ่งเกรงกันว่าอาจก่อ มะเร็ง จนในบางประเทศต้องให้ยกเลิกการใช้ สารอีกกลุ่มที่อาจก่อให้เกิด การแพ้ จากการใช้เป็นประจำแต่คนก็ชอบใช้คือ กลิ่นสังเคราะห์หอมๆ  สีสังเคราะห์สวยๆ  และลาโนลิน (

วิตามิน C ดีหรือไม่ ??

  ตอน เด็ก ๆ หลายคนชอบกินวิตามินซีชนิดเม็ด เพราะคุณพ่อคุณแม่หาซื้อมาประเคน
นัยว่าป้องกันโรคลักปิดลักเปิด พอโตขึ้นหลายคนก็ยังกินอยู่ เพราะสะดวก หรือบางคนอาจจะไม่ชอบกินผลไม้
ดังนั้น    วิตามินซีชนิดเม็ดที่ขายกันอยู่มีทั้งวิตามินซีธรรมชาติ และสังเคราะห์ โดย ชนิดที่เป็นสารสัง เคราะห์ ประกอบด้วย กรดแอสคอบิก ผสมกับน้ำเชื่อมข้าวโพด หรือ คอร์นไซรัป มีการเติมสี แต่งกลิ่น แต่งรส ดังนั้นการกินวิตามินซีชนิดเม็ดจะได้ความหวานด้วย โดยเฉพาะที่เป็นชนิดแบบอมเล่น รสผลไม้ ทั้งหลาย

ถาม ว่าวิตามินซี ชนิดเม็ดให้คุณค่าเช่นเดียวกับผลไม้ที่มีวิตามินซีหรือไม่ ขอเรียนว่า ถ้าเป็นวิตามินซีธรรมชาติจะให้คุณค่าไม่ต่างจากผลไม้อุดมวิตามินซีทั่วไป แต่ถ้าเป็นวิตามินซีสังเคราะห์มีงานวิจัยบางชิ้นชี้ให้เห็นว่าอาจทำให้เกิด มะเร็งมากขึ้นในหนูทดลองและทำให้หลอดเลือดแข็งตีบในคนได้
โดยหลักในการเลือกซื้อวิตามินซีธรรมชาติไม่ให้ดูแค่คำว่า ธรรมชาติ หรือ Natural ข้างฉลากเท่านั้น หากแต่ต้องดูคำว่า ผลิตจากผักและผลไม้ในสภาวะที่เหมาะสม หรือ Made from fruits and vegetables below 70 degrees แทน  สำหรับ ความจำเป็นในการกินวิตามินซีชนิดเม็ด นพ.กฤษดา บอกว่า หากกินผักผลไม้ไม่ค่อยไหวก็อาจรับประทานได้บ้าง แต่ไม่ใช่ใช้แทน เพราะอย่างไรก็ดีวิตามินจะดูดซึมได้ดีต้องมีสารธรรมชาติบางชนิดในผลไม้นั้น ๆ ช่วยด้วย ดังนั้นสูตรสำเร็จสำหรับผู้รักที่จะกินวิตามินซีก็คือ กินอาหารเสริมบวกอาหารสดนั่นเอง  อาหาร ที่มีวิตามินซีมาก ได้แก่ ฝรั่งกลมสาลี่ มะขามเทศ มะขามป้อม มะละกอแขกดำ พุทรา แอปเปิ้ล และส้มโอขาวแตงกวา ซึ่งจะสังเกตได้ว่าความเปรี้ยวไม่ใช่ตัวบอกวิตามินซี เพราะจะเห็นว่าผลไม้เปรี้ยวจัดอย่างมะยมหรือลูกเสาวรสไม่ติดอันดับต้น ๆ เลย
นอก จากนี้อาหารธรรมชาติที่นึกไม่ถึงอีกชนิดที่มีวิตามินซีมาก คือ ปลาทะเลดิบ มีกรด แอสคอบิกมากเป็นพิเศษ จะเห็นได้ว่าชาวเอสกิโมนั้นแม้ไม่ค่อยได้บริโภคพืชผักผลไม้ ก็ยังไม่เป็นโรคขาดวิตามินซี

กินอย่างไรให้ผิวสุขภาพดี

พ.ญ.กานต์ ชนก พานิช กรรมการผู้จัดการ กานต์ชนกคลินิก  ให้ความรู้ถึงการรักษาผิวสวยของสาวๆ ทุกวัย ที่เกี่ยวข้องกับการกินอาหาร โดยเน้นสารกลูต้าไธโอนเป็นพิเศษ เพราะสารตัวนี้เป็นโฮโมนชนิดหนึ่งที่ตับเป็นผู้สร้าง มีคุณสมบัติต่อต้านอนุมูลอิสระ (แอนตี้ออกซิแดนต์) เซลล์ไม่ถูกทำลาย กลายเป็นเซลล์ที่แข็งแรง ส่งผลให้เซลล์ใต้ผิวหนังแข็งแรงตามไปด้วย ทำให้เม็ดสีลดลง ผิวจึงขาวขึ้น แหล่งกลูต้าไธโอนมีอยู่ในสารสกัดจากธรรมชาติมากมาย ที่เด่นๆ คือ เปลือกสนฝรั่งเศส หากเป็นเปลือกสนสีส้มอ่อนจะมีคุณสมบัติในการแอนตี้ออกซิแดนต์ทำให้ขาวได้ เนื่องจากพืช ตระกูลเปลือกสนมีคุณสมบัติช่วยเปิดเส้นเลือดหัวใจ ช่วยทำลายพลักหรือคราบไขมันที่เกาะในเส้นเลือด ทำให้เส้นเลือดไม่ยืดหยุ่น เกิดภาวะการอุดตัน เส้นเลือดตีบลง ทำให้ส่งผ่านเลือดไปสู่หัวใจได้น้อยลง



“You are what you eat” หรือ กินเช่นไรได้เช่นนั้น   ยังคงเป็นประโยคที่หลายๆ คนเห็นด้วย หากรวมอาหารนี้ไว้ในมื้ออาหารที่เรารับประทาน ก็จะได้ผิวพรรณที่สวยสมบูรณ์แบบ


1.  ส้ม อุดมไปด้วยสารต่อต้านอนุมูลอิสระ ช่วยบำรุงผิวพรรณให้สดใสดูอ่อนวัย
2.  มะนาว อุดมด้วยวิตามินซี ที่มีประโยชน์ ต่อผิว และยังช่วยทำความสะอาดตับซึ่งทำหน้าที่กำจัดของเสียออกจากร่างกายได้อีกด้วย
3.  แครอต ให้คุณค่าเบต้าแคโรทีน ซึ่งจะเปลี่ยนเป็นวิตามินเอ อาหารที่จำเป็นสำหรับผิว
4.  กีวี ประกอบด้วยวิตามินซีที่เป็นประโยชน์ต่อการสร้างคอลลาเจน
5.  อะโวคาโด อุดมไปด้วยวิตามินอีที่ช่วยบำรุงผิว การกินอะโวคาโดวันละผล ให้วิตามินอีเพียงพอกับความต้องการของร่างกายในแต่ละวันได้
6.  โยเกิร์ต ช่วยในการขับถ่าย ทำให้ผิวพรรณสดใส ไม่หมองคล้ำ
7.  เมล็ดถั่วต่างๆ
อุดมด้วยโปรตีน สารอาหารที่จำเป็นสำหรับผิวสวย
8.  งา อุดมด้วยวิตามินบี สังกะสี และโพแทสเซียม ช่วยเสริมสร้างเซลล์ผิวใหม่ ทำให้ผิวดูสดใสอ่อนวัยอยู่เสมอ
9.  ผักโขม อุดมด้วยธาตุเหล็ก ช่วยบำรุงผิวพรรณให้เปล่งปลั่งอมชมพูดูมีสุขภาพดี และ 10.ปลาอุดมไขมัน เช่น ปลาแซลมอน น้ำมันปลาช่วยให้ผิวพรรณเต่งตึง ไม่เหี่ยวย่น



วิธีบรรเทาอาการปวดขาของสาวช๊อปปิ้ง

  ผู้หญิง กับการช็อปปิ้ง เป็นอะไรที่แยกออกจากกันไม่ได้จริงๆ จะเห็นได้ว่าคุณสาวๆ จะมีความสุขจนลืมทุกอย่างไปเลยเมื่อได้ช็อปปิ้ง ยิ่งช่วงที่มีการลดราคากระหน่ำ หรือมิดไนต์เซลตาม ห้างสรรพสินค้าต่างๆ จนอาจลืมไปว่าร่างกายของเราจะต้องแบกรับน้ำหนักจากข้าวของที่พะรุงพะรังมาก มายแค่ไหน จนเป็นเหตุให้สาวนักช็อปหลายคนเกิดอาการเจ็บปวดตามส่วนต่างๆ ของร่างกายตามมา


นายแพทย์เกรียงไกร เบญจวงศ์เสถียร ศัลยแพทย์กระดูกและข้อ โรงพยาบาลเวชธานี ...

กล่าวว่า... ปัญหาของสาวๆ ที่รักการช็อปปิ้งที่พบมากก็คือ

 ปวดกล้ามเนื้อ เนื่องจากกล้ามเนื้อบริเวณไหล่ และ หลังทำงานหนัก เกิดการหดเกร็ง เนื่องจากต้องแบกหรือถือถุงหนักๆ

 ปวดข้อมือ ชาตามปลายนิ้ว เนื่องจากการคล้องกระเป๋า หรือถุงต่างๆ บริเวณแขนและข้อมือ ทำให้เส้นประสาท ถูกกดทับ อาจเกิดอาการชาตามปลายนิ้วต่างๆ ได้ บางคนอาจปวดร้าวเหมือนถูกไฟชอร์ตวิ่งอยู่ตลอดเวลา ถ้าเป็นมากอาจทำให้มีอาการอ่อนแรงของกล้ามเนื้ออุ้งมือได้

 เอ็นอักเสบ โดยอาจเป็นที่เอ็นบริเวณข้อหัวไหล่ เอ็นบริเวณ ข้อศอก ปลอกหุ้มเอ็นบริเวณนิ้วอักเสบ และถ้าหิ้วถุงหนักมากๆ อาจทำให้ปลอกหุ้มเอ็นบริเวณนิ้วอักเสบ หากปล่อยทิ้งไว้อาจทำให้เกิดพังผืด เกิดภาวะนิ้วล็อก (Trigger finger) แต่ถ้าใครรู้ตัวว่ายังไม่สามารถลด ละ เลิก การช็อปปิ้งได้ ก็ควรหาวิธีป้องกันอาการเจ็บปวดเหล่านี้ด้วยตัวเองง่ายๆ คือ
-  หลีกเลี่ยงการใช้กระเป๋าใบใหญ่มาก เพราะจะยิ่งเผลอตัวใส่ของมากเกินไป น้ำหนักก็จะมากตามไปด้วย เปลี่ยนมาเป็นกระเป๋าขนาดที่เหมาะสมกับรูปร่างของตัวเองจะดีกว่า
-  ใช้บริการฝากของหรือใช้รถเข็นของที่ห้างสรรพสินค้าก็เป็นทางเลือกที่ดีต่อสุขภาพ
-  เลือกใส่รองเท้าสบายๆ ยามที่เดิน ช็อปปิ้ง
-  บริหารข้อนิ้ว ข้อมือ ข้อศอก และไหล่ เพื่อป้องกันการเคล็ดหรือเอ็นอักเสบง่ายๆ เช่น ยืนชิดผนังแล้วใช้นิ้วโป้ง นิ้วชี้ และนิ้วกลาง ทาบและไต่ขึ้น – ลงบนผนัง 10 ครั้ง, หมุนข้อมือเป็นวงกลมซ้าย – ขวา 10 ครั้ง บริหารไหล่ หมุนแขนไปข้างหน้า – หลัง เป็นวงกลม ข้างละ 10 ครั้ง
-  หากรู้สึกปวดกล้ามเนื้อมาก ใช้แผ่นประคบเย็นเพื่อลดอาการปวดบวมใน 1 – 2 วันแรก หลังจากนั้นใช้แผ่นประคบร้อนพร้อมยืดกล้ามเนื้อเบาๆ หรือจะใช้ยานวด หรือรับประทานยาแก้ปวดบรรเทาด้วยก็ได้ ถ้าอาการไม่ดีขึ้นควรรีบปรึกษาแพทย์ผู้เชี่ยวชาญ

วันอังคารที่ 23 พฤศจิกายน พ.ศ. 2553

เกล็ดความรู้ของสาว ๆ


         แต่งสวยอินเทรนด์ในแบบที่เป็นคุณกับ 5 ข้อแนะนำ
         เรื่อง ความสวยความงาม ถือเป็นเรื่องที่สาว ๆไม่อาจมองข้ามได้ วันนี้เราจึงมีเรื่องน่ารู้เคล็ดลับการแต่งสวย  อินเทรนด์ตามแฟชั่นมาฝากสาวๆกันด้วยค่ะ หากใครอยากสวยก็ลองทำตามคำแนะนำนี้ดูนะค่ะ
            อย่ายัดเยียดตัวเองให้เข้ากับเทรนด์ แต่จงเอาบางส่วนของเทรนด์มาประยุกต์ให้เข้ากับตัวเอง
            ถ้าคุณอ้วนหรือเจ้าเนื้อเกินกว่าจะใส่เดรสลายขวาง ลองเปลี่ยนเป็นใช้ลายขวางแมตซ์กับการแต่งตัวในส่วนอื่นก็อินเทรนด์ได้ เช่น ใช้ลายขวางกับผ้าคาดผม กระเป๋าถือ หรือรองเท้า

            ให้คิดเสมอว่าบุคลิกภาพส่วนตัว รวมทั้งความชอบของคุณเปรียบเหมือนแก้วน้ำที่มีรูปทรงแน่นอน ดังนั้นหากจะแต่งเติมเสริมใส่อะไรลงไป ต้องเลือกอินเทรนด์ในแบบที่ไม่กระทบกระเทือนต่อความเคยชินและความสะดวกใจ

            ถ้าต้องลงทุนกับการซื้อของดีราคาสูง แนะนำให้ใช้จ่ายกับของจำพวกเครื่องหนัง รองเท้า กระเป๋าถือ เลือกสีที่ใช้ได้หลายโอกาส อย่าง ดำ น้ำตาล ขาว เลือกดีไซน์ไม่ล้ำสมัย และมีแบบวิจิตรซับซ้อนจนเกินไป เพื่อให้ใช้ได้ไม่ตกรุ่น

            ถ้าคุณต้องการเพิ่มสีสันให้ชุดเก่าอินเทรนด์ ในแบบประเดี๋ยวประด๋าว ทำได้ในราคาประหยัดด้วยการเปรียบเทียบราคาการซื้อของแต่ละอย่างว่าระหว่าง การเปลี่ยนเครื่องประดับเสื้อท่อนบน หรือกระโปรง รองเท้า อะไรที่เสียเงินน้อยที่่สุด แล้วค่อยตัดสินใจซื้อ



        เกร็ดความรู้เล็กๆน้อยๆที่ควรทราบค่ะ ...
            ผู้หญิงเราควรมี 8 สิ่งของแต่งตัวสำคัญที่ควรพึงมี
          1. สูท จะเป็นสีอะไรก็ได้ ไว้สำหรับใส่ออกงานพิธีการ

          2. ชุดเดรสสั้น ไว้ใช้สำหรับใส่ออกงานกลางคืน

          3. ชุดชั้นในครบสี เพื่อจะได้เลือกใส่ให้เหมาะกับเสื้อ

          4. ต่างหู
 
          5. กระเป๋า - รองเท้า สีต้องเข้าชุดกัน มีทั้งใช้ในงานกลางวัน

          6. กระเป๋า-รองเท้าใช้ใส่ออกงานกลางคืน ต้องทำมาจากผ้าซาติน ส่วนกระเป๋าใบเล็กต้องประดับด้วยเพชรพลอย

          7. นาฬิกา
          8. เชิ้ตเดรส เพราะ
เป็นชุดที่ใส่ง่ายที่สุดเวลาที่คิดไม่ออกว่าอยากจะแต่งตัวอย่างไร


      

     คำแนะนำเกี่ยวกับวิธีการดูแลรักษาเสื้อเชิ้ต ทั้งแบบที่เป็นเสื้อเชิ้ตสีขาวและเสื้อเชิ้ตหลากสี
         
  การรักษาสีของเสื้อให้สดใสอยู่เสมอ ก่อนนำไปซัก ควรกลับด้านในของตัวเสื้อออกมา ปรับอุณหภูมิของน้ำให้เหมาะสมตามแผ่นป้ายแนะนำที่ติดอยู่กับตัวเสื้อ   หลังจากปั่นแห้งแล้วให้นำผ้าออกมาและพับทันที เพื่อลดรอยยับ

        
  ถ้าเสื้อเชิ้ตเปรอะเปื้อนรอยคราบต่างๆ ให้ลงน้ำยากำจัดคราบบนรอยคราบทันที แต่มีข้อควรระวังในการใช้น้ำยากำจัดคราบ ควรทดสอบกับผ้าอื่นๆ ก่อนว่าจะไม่ทำลายสีผ้าส่วนอื่นๆ ที่ไม่ได้เลอะรอยเปื้อน

        
  คราบเหลืองจากน้ำยาดับกลิ่นกาย ให้ทาน้ำมะนาวสดบนรอยคราบ ปล่อยทิ้งไว้ประมาณ 30 นาที แล้วล้างออกด้วยน้ำเย็น เสร็จแล้วจึงค่อยนำไปซักด้วยผงซักฟอก และน้ำยาซักผ้าขาวในเครื่องซักผ้า สำหรับคราบเหลืองที่ติดนาน ให้แช่ในน้ำยากัดผ้าขาวผสมน้ำแล้วแช่ไว้หลายๆ ชั่วโมงก่อนนำไปซัก
           คราบจากเครื่องดื่มผสมน้ำตาล เช่น น้ำขิง ควรกำจัดคราบทันที ไม่ควรรอจนถึงเวลาซักผ้า

เทคนิค...การผูกผ้า



          เทคนิค...ผูกผ้าผืนสวย
         ช่วง ซัมเมอร์แบบนี้ คงไม่มีสถานที่ท่องเที่ยวที่ไหนจะดีไปกว่า "ทะเล"แต่ก่อนสาวๆ จะก้าวเท้าเหยียบลงบนหาดทราย ชวนสาวๆ มาแต่งตัวเซ็กซี่ด้วย "ผ้า" เพียงผืนเดียวกันก่อน โดยสไตลิสต์ จากห้างสรรพสินค้าโรบินสัน แนะ นำการผูกผ้า 5 แบบ 5 สไตล์ ดังนี้

ผูกผ้า แต่งตัว

            แบบที่ 1 "เกิร์ลลิสต์ สไตล์" สวย หวานสดใส โดยขั้นแรกกางผ้าออกตามยาว แบ่งครึ่งหาจุดกึ่งกลาง จากนั้นพับย่นดังรูป ต่อมาบิดผ้าประมาณ 3-4 รอบ แล้วนำไปพาดที่บ่าด้านใดด้านหนึ่ง แล้วกางปลายทั้งสองพันรอบลำตัวและนำเข็มขัดหรือเชือกมารัดไว้ที่เอว

            แบบที่ 2 "เทรนดี้ สไตล์" เก๋ ไก๋ โฉบเฉี่ยวทุกองศา โดยเริ่มด้วยการกางผ้าออกตามยาว แบ่งครึ่งหาจุดกึ่งกลาง จับย่นดังรูป จากนั้นนำไปคล้องคอ แล้วจับริมผ้าทั้งสองตรงบริเวณเอวพันรอบลำตัวไปทางด้านหลัง ผูกเชือกหรือคาดเข็มขัดไว้ที่เอว
                   
                                               
ผูกผ้า แต่งตัว


            แบบที่ 3 "คลาสสิค สไตล์" สวยคลาสสิคไม่เสื่อมคลาย เริ่มจากกางผ้าออกตามยาวแล้วทาบไปที่ข้างสะโพก จับมุมผ้าแล้วผูก 2 ทบด้านข้าง แล้วจับขมวดปลายผ้า จับย่นที่สะโพกด้านขวาโดยใช้เข็มกลัดติด

            แบบที่ 4 "เอธนิค สไตล์" สวยเด่นเป็นเอกลักษณ์แบบคล้องคอ ขั้นแรกกางผ้าออกตามยาว จับปลายผ้าทั้งสองซ้อนกัน แล้วบิด 1 รอบ แล้วอ้อมไปผูกที่ต้นคอด้านหน้า

ผูกผ้า แต่งตัว

            แบบที่ 5 "เซ็กซี่ สไตล์" เซ็กซี่ พร้อมสะกดทุกสายตา เริ่มจากกางผ้าออกตามยาว จับมุมทั้งสองแล้วทาบที่หน้าอก โดยเหลือชายผ้าทั้งสองข้างไว้ด้านหลัง จับริมผ้าทั้งสองตรงบริเวณเอว พันรอบลำตัวไปทางด้านหลังพร้อมจับชายที่เหลือไว้มาติดด้วยเข็มกลัด
                                                                       
           ว้าว...เพียงแค่ผ้าผืนเดียวก็แปลงกายให้สวยได้ไม่ยาก